หากพูดถึง "เมืองหมอก" ในช่วงวัยเด็กหลายคนคงนึกถึงภาพบรรยากาศของภาคเหนือ เมืองที่ตื่นเช้าพร้อมสายหมอกบางเบาเคล้ากับอากาศเย็นบริสุทธิ์ เป็นเสน่ห์ที่ทำให้หลายคนอยากเดินทางไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต
แต่ในขณะเดียวกัน กรุงเทพฯ ก็เป็น "เมืองหมอก" เช่นกัน เพียงแต่หมอกของเราคือ PM 2.5 หมอกควันจากไอเสียรถยนต์ ฝุ่นจากการก่อสร้าง และมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมที่แขวนตัวอยู่ในอากาศ แทนที่จะให้ความสดชื่น กลับทำให้เรารู้สึกหนักอึ้ง หายใจติดขัด และส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว
ฝุ่นในกรุงเทพฯ วัดกันอย่างไร?การตรวจวัดคุณภาพอากาศในกรุงเทพฯ ถูกติดตามโดยสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ รวมถึงแอปพลิเคชันที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ เช่น Air4Thai, Bangkok Air Quality และ IQAir ที่ช่วยให้ประชาชนทราบค่าฝุ่นแบบเรียลไทม์ โดยค่าฝุ่น PM 2.5 หากเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ปัจจุบัน กรุงเทพฯ กำลังเผชิญกับปัญหาฝุ่นละอองที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากสภาพอากาศปิด ทำให้ฝุ่นไม่สามารถลอยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศได้ กลายเป็นมลภาวะที่ปกคลุมเมืองตลอดทั้งวัน
เทคโนโลยีช่วยกรองฝุ่นที่ทรูดิจิทัลพาร์ค : นวัตกรรมที่ช่วยให้คนในเมืองเมืองหายใจสะดวกขึ้นหลายเมืองทั่วโลกเริ่มนำเทคโนโลยีมาช่วยแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน เช่น หอกรองอากาศขนาดใหญ่ (Smog-Free Tower) ที่ใช้เทคโนโลยีไอออนไนเซอร์ดักจับฝุ่น PM 2.5 และเปลี่ยนเป็นอากาศสะอาดในพื้นที่โดยรอบ ซึ่งแนวคิดนี้สามารถนำมาใช้ในพื้นที่เมืองที่มีความหนาแน่นสูงอย่างกรุงเทพฯ ได้ อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค คือ จึงเป็นจุดกำเนิดของหอฟอกอากาศฟ้าใส โดยมีหลักการทำงานใช้ใบพัดความเร็วสูงดึงอากาศเข้าไปในระบบ ผ่านการแยกฝุ่นและละอองน้ำ ด้วยเทคโนโลยี Jet Venturi Scrubber ที่สามารถลดฝุ่นละอองได้สูงสุด 120,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมงซึ่งช่วยลดค่าฝุ่นได้สูงถึง 50% และเพิ่มออกซิเจนให้กับอาคารในเมือง เช่นเดียวกับการให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวใช้ต้นไม้ฟอกอากาศ
สร้างพื้นที่ทำงานในฝันของชาวสตาร์ทอัป ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี ทรู ดิจิทัล พาร์ค มุ่งเน้นการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อสุขภาพของทุกคน ภายในพื้นที่ของทรู ดิจิทัล พาร์ค นอกจากจะมีการติดตั้งระบบกรองอากาศคุณภาพสูงภายในอาคาร ใช้พลังงานสะอาด และออกแบบอาคารให้มีพื้นที่สีเขียวเพื่อช่วยลดฝุ่นละอองในอากาศ : ทรู ดิจิทัล พาร์ค” สำหรับการเป็นศูนย์กลางเทคและสตาร์ทอัปที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีพื้นที่ทั้งหมด 200,000 ตารางเมตร ซึ่งทุกพื้นที่ออกแบบมาให้เป็นระบบ Startup Eco System ทั้งหมด โดยมีพื้นที่สีเขียวในอัตราส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ รองรับผู้คนได้มากสุด 20,000 คน ตอบโจทย์การทำธุรกิจแบบดิจิทัล อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการสื่อสารสุดล้ำ ทั้ง 5G, บอร์ดแบรนด์, และ WiFi, พร้อมด้วยระบบนิเวศน์อันสมบูรณ์ แบบบรรยากาศ World-Class Co-Working Space

แม้ว่าวันนี้ กรุงเทพฯ จะยังเป็น "เมืองหมอก" ในรูปแบบที่เราไม่ต้องการ แต่หากมีการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และแนวคิด Green Building มาประยุกต์ใช้มากขึ้น พร้อมกับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ก็อาจทำให้วันหนึ่ง เราสามารถตื่นมาพร้อมกับท้องฟ้าที่ใสสะอาด ไม่ต่างจากเมืองหมอกที่เราหลงรัก
สนใจจอง Co-working Space ที่ยืดหยุ่น รองรับทุกไลฟ์สไตล์การทำงาน
ที่นี่ : https://www.truedigitalpark.com/spaces/co-working-space
โทร : 095-209-6291
#TrueDigitalPark #Coworkingspace