หลายๆคนคงจะรู้จัก เจฟฟรีย์ ฮินตัน (Geoffrey Hinton) หรือเจ้าพ่อ AI โดยเขาจบจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต (the University of Toronto) และเคยทำงานอยู่ที่กูเกิล (Google) ในการร่วมพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI แต่ในปัจจุบัน เขาได้ลาออกจากกูเกิลแล้ว
เจฟฟรีย์ได้พูดถึงความอันตรายของ AI ไว้ในการให้สัมพาษณ์หลายๆครั้ง โดยล่าสุด ได้มีการให้สัมพาษณ์กับเดอะ นิวยอร์ก ไทม์ (The New York Times) และซีเอ็นบีซี (CNBC) ว่า จาการประเมินในตอนแรก มีการคาดการณ์ว่า ในอีก 30-50 ปี AI จะมีความฉลาดกว่ามนุษย์ แต่จากการประเมินในตอนนี้ ระยะเวลาจาก 30-50 ปี ถูกร่นลงเป็นอนาคตอันใกล้
การเรียนรู้ที่ต่างกันของ AI และมนุษย์
เนื่องจาก AI มีการแชร์เวท (Weight) ให้กัน สิ่งนี้หมายถึงถ้าตัวตนดิจิทัล 1 ตัวตน จาก 1000 ตัวตน มีการเรียนรู้ได้ ข้อมูลทั้งหมดจะถูกถ่ายทอดให้ตัวตนดิจิทัลอีก 999 ตัวตนที่เหลือ ซึ่งแตกต่างจากมนุษย์ ที่ไม่สามารถถ่ายทอดข้อมูลได้ในทันที สิ่งนี้ทำให้การพัฒนาและถ่ายทอดข้อมูลของ AI เป็นไปได้เร็วกว่ามนุษย์อย่างมาก
ตัวอย่างผลกระทบ
จากที่กล่าวมาข้างต้น ตัวอย่างผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ ในปัจจุบัน ข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าโลกอินเตอร์เน็ตโดย AI มีเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เช่น ข้อมูลจากแชทบอท จากแชทจีพีที (ChatGPT),บาร์ด (Bard) โดยสิ่งที่น่ากังวลคือ ข้อมูลตัวไหนบนโลกอินเตอร์เน็ตเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาจาก AI
เจฟฟรีย์ได้เคยออกมาพูดในปี 2564 ไว้ว่า แผนรับมือ AI ในปัจจุบันนั้น ยังไม่มีความสมบูรณ์ การเร่งพัฒนาอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง
ในการสัมพาษณ์กับเดอะ นิวยอร์ก ไทม์ นั้น เจฟฟรีย์ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า “ผมคิดว่าเหล่าบริษัทและนักวิจัยควรชะลอการพัฒนาเอไอไปก่อน จนกว่าจะรู้ว่าเรานั้นไม่ได้เล่นกับไฟอยู่”